พันธมิตรธุรกิจ Purem AAPICO เดินเครื่อง 2 โรงงานผลิตระบบควบคุมไอเสียในมาเลเซียและไทย

หลังจากลงนามความร่วมมือ เมื่อ 10 สิงหาคม 2565 พันธมิตร Purem by Eberspaecher และ AAPICO Hitech เดินหน้าตามแผน ก่อสร้างโรงงานผลิตระบบควบคุมไอเสียในมาเลเซียและไทย พร้อมเปิดโรงงาน เดินเครื่องเต็มกำลังการผลิตทันที

Purem AAPICO เป็น joint venture มีสัดส่วนการถือหุ้น 51:49 โดย Purem มีความเชี่ยวชาญในเทคโนโลยีอุตสาหกรรมระบบควบคุมไอเสียที่ได้มาตรฐานสากล ไอเสียต่ำ ตอบโจทย์เทรนด์ clean mobility ส่วน AAPICO มี know-how อุตสาหกรรมยานยนต์ในอาเซียนมานานหลายทศวรรษ เป็นห่วงโซอุปทานรายใหญ่ให้กับค่ายรถยนต์ชั้นนำในไทยและมาเลเซีย พร้อมเติบโตในทุกแพลตฟอร์มรถยนต์ internal combustion engine, new energy vehicle และ electric vehicle.

Purem AAPICO เมือง Rawang รัฐ Selangor ประเทศมาเลเซีย

ภายใต้ชื่อ Purem AAPICO SDN. BHD. เดินเครื่องเมื่อวันที่ 10 ตุลาคม 2566 ในเมือง Rawang รัฐ Selangor บนพื้นที่ 4,000 ตารางเมตร ห่างจากกรุง Kuala Lumpur ไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ 20 กิโลเมตร และเมือง Pataling Jaya ศูนย์กลางทางธุรกิจนอกเมืองหลวงของมาเลเซีย โรงงานจะผลิตระบบ exhaust gas aftertreatment ทั้งในแบบ hot end และ cold end ใช้เทคโนโลยีชั้นสูง มีกำลังผลิต 400,000 ชิ้นต่อปี พนักงานรวม 100 คน

ระบบควบคุมไอเสียจาก Purem AAPICO จะส่งมอบให้กับรถยนต์ 4 รุ่นให้กับรถยนต์สัญชาติมาเลเซีย และวางแผนส่งมอบให้กับค่ายรถยนต์อื่นๆ ในประเทศ รวมทั้งขยายงานด้านเทคนิคสำหรับ catalyst, manifold และ muffler ของระบบควบคุมไอเสีย ทั้ง hot end และ cold end ในอนาคต

The grand opening of Purem AAPICO
โรงงาน Purem AAPICO เมือง Rawang รัฐ Selangor ประเทศมาเลเซีย โรงงานแห่งที่ 1 ในอาเซียน
The grand opening of Purem AAPICO
ผู้บริหารระดับสูงจาก Purem by Eberspaecher และ AAPICO Hitech ร่วมพิธีเปิดโรงงาน
The grand opening of Purem AAPICO
พนักงาน Purem AAPICO ในโรงงานที่มาเลเซีย

Purem AAPICO นิคมอุตสาหกรรม อมตะ ซิตี้ ระยอง ประเทศไทย

สำหรับโรงงานในไทย เดินเครื่องเมื่อวันที่ 12 ตุลาคม 2566 ห่างแค่ 2 วันหลังจากเปิดโรงงานที่มาเลเซีย ตั้งอยู่ที่นิคมอุตสาหกรรมอมตะ ซิตี้ ระยอง บนพื้นที่ 3,000 ตารางเมตรอยู่ไม่ไกลจากกรุงเทพมหานคร และใกล้ท่าเรือแหลมฉบัง รายล้อมไปด้วยโรงงานผู้ผลิตชั้นนำ ทั้งค่ายญี่ปุ่น อเมริกัน และเยอรมนี ใช้เวลาก่อสร้างไม่ถึง 5 เดือน ผลิตระบบควบคุมไอเสียได้ทันทีที่เปิดโรงงาน พร้อมซัปพลายให้กับรถยนต์นั่งและรถกระบะ โดยมีกำลังผลิต 300,000 ชิ้นต่อปี พนักงานรวม 150 คน

ระบบควบคุมไอเสีย อยู่บนมาตรฐาน clean mobility ระดับโลก ได้แก่ Euro6, CARB – LEV III และ EPA – TIER 3 ดังนั้นรถยนต์ที่ผลิตจากไทย สามารถส่งออกไปได้มากกว่า 100 ประเทศทั่วโลก เป็นศูนย์กลางการผลิตรถยนต์รายใหญ่ในภูมิภาคอาเซียน

The grand opening of Purem AAPICO
โรงงาน Purem AAPICO นิคมอุตสาหกรรมอมตะ ซิตี้ ระยอง โรงงานแห่งที่ 2 ในอาเซียน
The grand opening of Purem AAPICO
ความร่วมมือครั้งสำคัญระหว่าง Purem by Eberspaecher และ AAPICO Hitech ต่ออุตสาหกรรมยานยนต์ในภูมิภาคอาเซียน
The grand opening of Purem AAPICO
พนักงาน Purem AAPICO ในโรงงานที่ไทย

นายมาร์ติน ปีเตอร์ส (Martin Peters) ประธานกรรมการบริหารและหุ้นส่วนผู้จัดการ จาก Eberspaecher Group (กลุ่มบริษัทเอเบอร์สเปเชอร์) บอกว่า นี่เป็นความสำเร็จครั้งสำคัญของ Purem ในธุรกิจและฐานการผลิตในภูมิภาคอาเซียน สะท้อนว่า สินค้าและเทคโนโลยี clean mobility ของบริษัทได้รับการยอมรับเป็นอย่างดี ความร่วมมือกับ AAPICO ด้านองค์ความรู้ในการผลิตชิ้นส่วนยานยนต์จะทำให้บริษัทแข็งแกร่งยิ่งขึ้นในภูมิภาคนี้

Purem by Eberspaecher เติบโตอย่างต่อเนื่อง และพัฒนาเทคโนโลยียานยนต์ที่สะอาดและขยายธุรกิจไปทั่วโลก “บริษัทเปิดโรงงานใหม่ถึง 2 แห่งในมาเลเซียและไทย ในสัปดาห์เดียวกัน ทําให้บริษัทมีฐานการผลิตสินค้าอยู่ใน 19 ประเทศทั่วโลก สะท้อนให้เห็นถึงความสามารถในการเติบโตทางธุรกิจด้านยานยนต์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมในตลาดโลก” นายมาร์ติน ปีเตอร์ส กล่าวเสริม

นายเย็บ ซู ชวน (Yeap Swee Chuan) ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อาปิโก ไฮเทค จำกัด (มหาชน) บอกว่า บริษัทมี 2 โรงงานผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ในมาเลเซีย และ 21 โรงงานในไทย สะท้อนความเชื่อมั่นในอนาคตอันสดใสของอุตสาหกรรมยานยนต์ทั้งใน 2 ประเทศ บริษัทยังมั่นใจในเทคโนโลยีระบบควบคุมไอเสียของ Purem ในฐานะเป็นผู้ผลิต OEM รายใหญ่ของโลก ที่จะช่วยเสริมความแข็งแกร่งของอุตสาหกรรมยานยนต์ในภูมิภาคอาเซียนในระยะยาว

ในปี 2565 ข้อมูลจาก Asean Automotive Federation ยอดผลิตรถยนต์รวมอยู่ที่ 4,383,744 คัน เพิ่มขึ้น 24% นำโดยไทย 1,883,515 คัน (+12%) อินโดนีเซีย 1,470,146 คัน (+31%) มาเลเซีย 702,275 คัน (+46%) เวียดนาม 232,410 คัน(+42%) ฟิลิปปินส์ 92,223 คัน (+10%) และเมียนมาร์ 3,175 คัน (+62%)

เกี่ยวกับ พูเรม บาย เอเบอร์สเปเชอร์ (Purem by Eberspaecher)

Purem by Eberspaecher เป็นบริษัทในกลุ่มเอเบอร์สเปเชอร์ซึ่งมีสํานักงานใหญ่อยู่ที่เมือง Esslingen ประเทศเยอรมนี มุ่งเน้นพัฒนาเทคโนโลยียานยนต์ที่ไม่ก่อให้เกิดมลภาวะ มีพนักงานมากกว่า 7,100 คน พัฒนาเทคโนโลยีการผลิตระบบไอเสียและการควบคุมเสียงสําหรับรถยนต์นั่ง รถเพื่อการพาณิชย์ และรถออฟโรด ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่มีส่วนสําคัญในการบรรลุมาตรฐานการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและแนวทางด้านเสียงที่เข้มงวดที่สุดในปัจจุบัน มีฐานลูกค้าเป็นค่ายรถยนต์ชั้นนําของโลกในปี 2565 กลุ่มบริษัทสร้างรายได้ประมาณ 5,700 ล้านยูโร รายรับสุทธิที่ปรับปรุงแล้วสําหรับรายการชั่วคราวอยู่ที่ 1,900 ล้านยูโร

เกี่ยวกับ บริษัท อาปิโก ไฮเทค จํากัด (มหาชน)

บริษัท อาปิโก ไฮเทค จํากัด (มหาชน) ก่อตั้งโดยนายเย็บ ซู ชวน ในปี 2539 และจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ในปี 2545 บริษัทฯ ประกอบด้วย 3 ธุรกิจหลัก ได้แก่ ธุรกิจผลิตและจําหน่ายชิ้นส่วนยานยนต์ (OEM Automotive Parts) ธุรกิจตัวแทนจําหน่ายรถยนต์และศูนย์บริการ (Car Dealership) และธุรกิจบริการด้านเทคโนโลยีการเชื่อมต่อ (IoT) ปัจจุบันมีบริษัทย่อยและบริษัทร่วมทั้งหมด 48 แห่ง โดย 33 บริษัทดําเนินธุรกิจในไทย และ 15 บริษัทตั้งอยู่ในต่างประเทศ ธุรกิจหลักของบริษัทในช่วงแรกคือ การออกแบบ ผลิต และติดตั้งอุปกรณ์จับยึด (Assembly Jigs) แม่พิมพ์ปั๊มโลหะ (Stamping Dies) ประกอบรถยนต์ และผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ (OEM Automotive Parts) ได้แก่ ชิ้นส่วนพื้นรถยนต์ เหล็กขวาง ตัวคํ้า ตัวยึด แผ่นเหล็ก และชิ้นส่วนปลีกย่อยอื่นๆ รวมถึงถังนํ้ามันเพื่อจัดส่งให้กับบริษัทผู้ผลิตและประกอบรถยนต์ชั้นนําในไทย จากนั้นบริษัทฯ ได้ขยายธุรกิจมาสู่การผลิตชิ้นส่วนโครงช่วงล่างรถกระบะ (Chassis Frame Components) ชิ้นส่วนโลหะตีอัดขึ้นรูป ชิ้นส่วนโลหะกลึงเจียผิว (Forging and Machining Parts) ชิ้นส่วนหล่อขึ้นรูปโลหะ (Casting Parts) ชิ้นส่วนพลาสติก และถังนํ้ามันพลาสติก (Plastics Parts) รายได้ในปี 2565 อยู่ที่ประมาณ 800 ล้านดอลลาร์สหรัฐ* และมีพนักงาน 5,400 คน (*หมายเหตุ อัตราแลกเปลี่ยน 1 ดอลลาร์สหรัฐ ต่อ 35.5 บาท)

เกี่ยวกับ กลุ่มเอเบอร์สเปเชอร์ (Eberspaecher Group)

Eberspaecher Group เป็นหนึ่งในผู้พัฒนาและผู้ผลิตระบบชั้นนําของอุตสาหกรรมยานยนต์ ปัจจุบันมีพนักงานประมาณ 10,700 คน ในเครือข่าย 80 แห่งทั่วโลก เป็นธุรกิจครอบครัว มีสํานักงานใหญ่อยู่ที่เมือง Esslingen ประเทศเยอรมนี มุ่งมั่นพัฒนาโซลูชันที่เป็นนวัตกรรมด้านเทคโนโลยีไอเสีย อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ในยานยนต์ และการจัดการความร้อนสําหรับยานพาหนะประเภทต่างๆ ทั้งนี้สามารถมั่นใจได้ถึงความสะดวกสบายที่มากขึ้น ความปลอดภัยที่สูงขึ้น และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม จากชิ้นส่วนและระบบจาก Eberspaecher ครอบคลุมทั้งเครื่องยนต์สันดาปภายใน รถยนต์ไฮบริด และยานยนต์ขับเคลื่อนด้วยระบบไฟฟ้า นอกจากนี้ Eberspaecher กําลังปูทางไปสู่เทคโนโลยีแห่งอนาคต เช่น การใช้เซลล์เชื้อเพลิง (Fuel Cell) ในรูปแบบยานยนต์และสถานีจ่ายพลังงาน เชื้อเพลิงสังเคราะห์ ตลอดจนการใช้ไฮโดรเจนเป็นตัวพาพลังงาน ในปี 2565กลุ่มบริษัทสร้างรายได้ประมาณ 6,400 ล้านยูโร รายรับสุทธิที่ปรับปรุงแล้วสําหรับรายการชั่วคราวอยู่ที่ 2,700 ล้านยูโร

อ่านเรื่องราวเพิ่มเติม

บทความอื่นๆ

บริษัท อาปิโก ไฮเทค จำกัด (มหาชน) ร่วมมือกับ วว. และเกษตรจังหวัดปทุมธานี เปิดตัว “จุลินทรีย์ BioD I วว. ช่วยย่อยสลายตอซังข้าว” ลดปัญหาการเผาในพื้นที่การเกษตรและลดมลพิษ PM 2.5

วันที่ 17 กรกฎาคม 2567 นายเย็บ ซู ชวน ประธานและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และนางเตียว ลี งอ กรรมการบริหารของบริษัท อาปิโก ไฮเทค จำกัด (มหาชน) และบริษัทในเครือ ร่วมกับดร.ชุติมา เอี่ยมโชติชวลิต ผู้ว่าการสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.) ในกำกับกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) และนายคมสัน ญาณวัฒนา รองผู้ว่าราชการจังหวัดปทุมธานี เปิดตัว “กลุ่มจุลินทรีย์ BioD I วว. เพื่อย่อยสลายตอซังข้าว” ใน “งานรณรงค์สร้างแนวร่วมหยุดเผาในพื้นที่เกษตร สู่เมืองปทุมธานีไร้ควัน” ณ แปลงนาสาธิต หมู่ที่ 5 ตำบลเชียงรากใหญ่ อำเภอสามโคก จังหวัดปทุมธานี

อาปิโกได้รับรางวัล ISG Activity Award for FY2023 ESG Activities Sharing ในงาน ISG Annual General Meeting ประจำปี 2567

วันที่ 10 มิถุนายน พ.ศ. 2567 นายเย็บ ซู ชวน (ตรงกลาง) ประธานและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อาปิโก ไฮเทค จำกัด (มหาชน) (“บริษัทฯ”) ขึ้นรับรางวัล ISG Activity Award for “FY2023 ESG Activities Sharing” ในงาน ISG Annual General Meeting ประจำปี 2024 โดยรางวัลนี้ได้มอบให้กับบริษัทคู่ค้าที่มีการดำเนินงานด้านความยั่งยืนที่โดดเด่น และได้รับเลือกเป็นหนึ่งในองค์กรตัวอย่าง เพื่อแบ่งปันความรู้และประสบการณ์ในการดำเนินงานด้านความยั่งยืนให้แก่บริษัทคู่ค้ารายอื่นๆ ของอิซูซุในการประชุมคู่ค้าประจำปีของอิซูซุ ที่จัดขึ้นในวันที่ 24 มกราคม พ.ศ.2567 ที่ผ่านมา