อาปิโก จับมือกับพันธมิตร ฮโยจิน และ TPMSB ร่วมกันลงทุนเพื่อจัดตั้งบริษัทเอกชนภายใต้กฎหมายไทยในนาม บริษัท อาปิโก ฮโยจิน ออโต้เทค จำกัด

บมจ. อาปิโก ไฮเทค (อาปิโก) หนึ่งในบริษัทผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ชั้นนำของประเทศไทย ได้ร่วมลงนามในบันทึกความเข้าใจ (MOU) กับบริษัท ฮโยจิน ออโต้เทค จำกัด (ฮโยจิน) ประเทศเกาหลี และบริษัท Triumphant Project Management Sdn. Bhd. (TPMSB) ประเทศมาเลเซีย เพื่อร่วมกันลงทุนเพื่อจัดตั้งบริษัทเอกชนภายใต้กฎหมายไทยในนาม บริษัท อาปิโก ฮโยจิน ออโต้เทค จำกัด ซึ่งทำให้อาปิโกสามารถออกแบบและผลิตสายการประกอบตัวถังรถยนต์แบบครบวงจร และอุปกรณ์จับยึดโดยใช้หุ่นยนต์แบบเต็มรูปแบบได้

ยืนจากซ้ายไปขวา : นาย Ki-Young Kim (ประธาน บริษัทฮโยจิน) นางเตียว ลี งอ (กรรมการบริหาร บริษัทอาปิโก) นายนายเย็บ ซู ชวน (ประธานและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทอาปิโก) และนาย Amrizal Abdul Majid (กรรมการ บริษัทTPMSB)

ฮโยจินเป็นบริษัทอยู่ในระดับท็อป 5 ในประเทศเกาหลี ที่มีประสบการณ์กว่า 40 ปี ในการเป็นผู้เชี่ยวชาญในด้านการออกแบบและผลิตประกอบอุปกรณ์จับยึดแบบครบวงจร และ อุปกรณ์จับยึดเพื่อการตรวจสอบคุณภาพของชิ้นงาน

TPMSB มีประสบการณ์กว่า 30 ปี ในด้านการวิศวกรรมและการบริหารจัดการโครงการ ระบบสายการประกอบตัวถังรถยนต์แบบครบวงจร ทั้งในประเทศมาเลเซียและอินโดนีเซีย ในการก่อตั้งบริษัท วัตถุประสงค์เพื่อออกแบบและผลิตอุปกรณ์จับยึดในประเทศไทย ทำให้เกิดความได้เปรียบทางการแข่งขันสำหรับบริษัทอาปิโก สำหรับผลิตภัณฑ์ทั้งที่กำลังผลิตในปัจจุบันและที่จะเกิดในอนาคต โดยบริษัทใหม่จะขยายเข้าสู่โครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) เพื่อมุ่งเน้นการพัฒนาการวิจัยในการนำหุ่นยนต์ไปใช้ ซึ่งสอดคล้องกับไทยแลนด์ 4.0 และยกระดับคุณภาพของการประกอบอุปกรณ์จับยึดแบบครบวงจร การควบคุมลดต้นทุน และการจัดส่งไปยังบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ ในเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ โดยกำลังในการผลิตอุปกรณ์จับยึดสามาถทำได้ถึง 500 ชิ้นต่อปี รวมระหว่างอุปกรณ์จับยึดหลักและอุปกรณ์จับยึดย่อย

โดยบริษัทใหม่มีมูลค่าการลงทุนจำนวน 30 ล้านบาท ซึ่งอาปิโก ฮโยจิน และTPMSB ถือหุ้นในสัดส่วนร้อยละ 55 ร้อยละ 30 และร้อยละ 15 ตามลำดับ โดยเริ่มดำเนินการตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2562 ทางอาปิโกได้จัดหาที่ดิน อาคารโรงงาน และเครื่องจักร ที่เหมาะสมสำหรับการเริ่มต้นดำเนินงานของบริษัท ที่มีทีมออกแบบและวิศวกรจำนวนรวม 14 คน และช่างเทคนิคจำนวน 45 คน วิศวกรและช่างเทคนิคจะมีทักษะใหม่ ๆ เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าในเรื่องความรวดเร็ว ความยืดหยุ่นและด้านการแข่งขันด้านต้นทุน ฮโยจินได้ให้ความรู้ด้านเทคโนโลยีด้านการออกแบบอุปกรณ์จับยึด การผลิตและมาตรฐานการปฏิบัติงาน ส่วนTPMSB ให้ความรู้ความเชี่ยวชาญในเชิงผสมผสานวิศวกรรมในการประกอบตัวถังรถยนต์แบบครบวงจร รวมถึงประสบการณ์ด้านการบริหารจัดการทรัพยากร

การลงทุนในครั้งนี้เป็นการขยายธุรกิจที่สำคัญของอาปิโก เพื่อได้เข้าถึงกลุ่มอาเซียน และธุรกิจการประกอบอุปกรณ์จับยึดแบบครบวงจรในตลาดโลก และเราเชื่อมั่นว่าการลงทุนในครั้งนี้เป็นเพียงก้าวแรกของความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ในอนาคตของบริษัท นาย เย็บ ซู ชวน ประธานและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทอาปิโก กล่าว

ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับบริษัท อาปิโก ไฮเทค จำกัด (มหาชน)

ทั้งนี้ บริษัท อาปิโก ไฮเทค จำกัด (มหาชน) เป็นผู้ผลิตชิ้นส่วนและอุปกรณ์ยานยนต์รายใหญ่ของประเทศไทย ก่อตั้งขึ้นในปี 2539 และจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในปี 2545 ซึ่งปัจจุบันรับผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ (OEM Automotive Parts) ได้แก่ ชิ้นส่วนพื้นรถยนต์ เหล็กขวาง ตัวค้ำ ตัวยึด แผ่นเหล็ก และชิ้นส่วนปลีกย่อยอื่นๆ รวมถึงถึงน้ำมันเพื่อจัดส่งให้กับบริษัทผู้ผลิต และประกอบรถยนต์ชั้นนำในประเทศไทย จากนั้น บริษัทฯ ได้ขยายธุรกิจ การผลิตชิ้นส่วนยานยนต์มาสู่ชิ้นส่วนพลาสติก ชิ้นส่วนโลหะตีอัดขึ้นรูป (Forging)
และกลึงเจียผิวสำเร็จด้วยเครื่องจักร (Machining) และโครงช่วงล่างรถกระบะ (Frame Components)

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม ติดต่อ:
บริษัท อาปิโก ไฮเทค จำกัด (มหาชน) :
ฝ่ายนักลงทุนสัมพันธ์
โทรศัพท์: +66 (0) 2613-1504 Ext. 1383
อีเมล์ : ir@aapico.com
 

บทความอื่นๆ

การประกาศความร่วมมือระหว่างภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชน เพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหามลพิษจากฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5

วันที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2568 นายเย็บ ซู ชวน ประธานและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อาปิโก ไฮเทค จำกัด (มหาชน) ได้เข้าพบนายกรัฐมนตรีและเข้าร่วมงานแถลงข่าวในหัวข้อ “การประกาศความร่วมมือระหว่างภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชน เพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหามลพิษจากฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5”

อาปิโก ไฮเทค ติดอันดับ 1 ใน 500 บริษัทชั้นนำของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้โดยนิตยสาร Fortune ประจำปี 2568

บริษัท อาปิโก ไฮเทค จำกัด (มหาชน) ได้รับการจัดอันดับให้อยู่ที่ลำดับ 335 ในการจัดอันดับ Fortune Southeast Asia 500 ประจำปี 2568 ต่อเนื่องจากลำดับที่ 303 ในปี 2567 การจัดอันดับนี้คัดเลือกบริษัทที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในภูมิภาค โดยพิจารณาจากรายได้และความโดดเด่นทางธุรกิจ